วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ฟักข้าว หรือ ขี้พร้าไฟ เป็นสุดยอดพืชที่มีคุณค่ามหาศาล รักษา-ต้านมะเร็ง

ฟักข้าว หรือ ขี้พร้าไฟ เป็นสุดยอดพืชที่มีคุณค่ามหาศาล ซึ่งชบาตานีเคยนำเสนอไว้แล้วในเอนทรีเกี่ยว “ฟักข้าว” หรือ “ขี้พร้าไฟ” “ฟักข้าว” เป็นทั้งผัก และ รักษา-ต้านมะเร็ง



ขี้พร้าไฟ : พืชที่อุดมไปด้วยคุณค่า ฟักข้าวที่บ้านชบาตานี ณ ห้วงเวลานี้ออกผลห้อยโตงเตงอยู่บนยอดชมพู่เต็มไปหมด แต่มันอยู่สูงจัง ตั้งแหงนหน้ามองเหมือนหมามองเครื่องบิน จนคอแทบจะเดี้ยงแล้วนิ

 อยู่สูงจนเกินที่จะโต้งเป้งถึง ต้องใช้ไม้สอยเสียยาวเฟื้อย(ชบาเป็นคนทะเยอทะยายนะเนี่ย..เพราะชอบ(กิน)ของสูง ไง!!) คราวนี้สอยมาได้ 3 ผล ขนาดพอที่จะแกงได้ 2 ผล (วางแผนจะนำไปแกงส้ม) และที่สุกเต็มที่อยู่ 1 ผล ผลสีแดงแจ๊ดแจ๋นี้แหละจะเอามาใช้ประโยชน์ในวันนี้


วันนี้ชบาตานีจะชวนเพื่อนๆ มาทำ “น้ำผลไม้” ที่มากคุณค่า มีประโยชน์ต่อสุขภาพจริงๆน้ำผลไม้ที่ว่า คือ น้ำฟักข้าว จ้า!! เพราะ น้ำฟักข้าว เป็นสุดยอดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เพราะมีสารเบตาแคโรทีนและสารไลโคพีนในปริมาณสูงมาก เป็นเครื่องดื่มผลไม้เพื่อสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้วันนี้ ชบาตานีจะนำฟักข้าวผลนี้มาทำ “น้ำฟักข้าว” ให้เพื่อนๆ ได้ลองชิมกันนะ มาม่ะ มาทำ....น้ำฟักข้าว...ดื่มเพื่อสุขภาพกันดีกว่า!

 

เอาล่ะ ก่อนอื่นก็นำฟักข้าวลูกที่สีแดงแจ๊ดที่เห็นมาปอกเปลือกซะก่อน แล้วจึงนำไปล้างน้ำให้สะอาด เปลือก..อย่าทิ้ง นำไปตากแห้ง ทำเป็นชาได้อีก เสร็จแล้ว เราก็มาเริ่มทำน้ำฟักข้าวได้แล้วล่ะ

1. นำฟักข้าวมาผ่า แยกเนื้อและเมล็ดออก
2. เนื้อฟักข้าว หั่นเป็นชิ้นๆ
3. ส่วนเยื่อหุ้มเมล็ด ล่อนเยื่อหุ้มออกจากเมล็ดเยื่อหุ้มเมล็ดขยำแยกเยื่อหุ้มออกจากเมล็ดเมล็ด..อย่าทิ้ง เอาไปกินก็ได้ หรือจะนำไปปลูกขยายพันธ์ต่อ
4. นำเนื้อฟักและเยื่อหุ้มเมล็ด ปั่นให้ละเอียด ใส่ในเครื่องปั่น (เหยาะน้ำลงไปนิด) แล้วก็ปั่นเลยพี่น้อง
5. เทลงในหม้อ
6. ผสมน้ำเจือจางเนื้อและเยื่อหุ้มที่ปั่นเสร็จแล้ว
7. นำไปเคี่ยวด้วยไฟปานกลาง กวนไปเรื่อยๆ (จะโม้ไปพลางก็ไม่ว่ากัน อิอิ) เริ่มเดือดปุดๆแล้ว
8. เติมเกลือลงไปนิดหน่อย
9. เติมน้ำตาลทรายแดงให้มีรสหวานตามชอบ (ไม่ใส่ก็ได้ ถ้าไม่ชอบหวาน) เติมเกลือลงไปนิด น้ำตาลลงไปหน่อย(ใครชอบหวานก็เติมเข้าไปมากๆก็ได้)
10. เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ ประมาณ 15-20 นาที
11. แค่นี้ก็ยกลงจากเตา


ตั้งให้พออุ่น ก็สามารถดื่มให้อุ่น สบายท้อง
หากใครชอบดื่มแบบเย็นๆ หลังจากวางไว้จนเย็นแล้ว ก็นำไปแช่เย็น ไว้ดื่มแก้กระหายได้อีกด้วย ฟักข้าว 1 ผล สามารถทำเป็นน้ำฟักข้าวได้ตั้งหม้อใหญ่เชียว นำไปจำแนกแจกจ่ายคนข้างเคียง หรือจะเก็บไว้กินหลายๆ วันก็ดีต่อสุขภาพไม่น้อย น้ำฟักข้าว เราสามารถดื่มได้ทุกวัน ดื่มได้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำกัดเพศ หรือ อายุ หรือ ชนชั้น วรรณะ(อันนี้ว่าเองนะเจ้าคะ)

 “น้ำฟักข้าว” ทำให้สามารถแก้ปัญหาโรคบางชนิดได้จริง โดยผู้ดื่มจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของสุขภาพร่างกาย หลังจากดื่ม น้ำฟักข้าวไปแล้วระยะหนึ่ง

เยื่อเมล็ดของฟักข้าวมีปริมาณเบตาแคโรทีนมาก กว่าแครอต 10 เท่า และ มีไลโคพีนมากกว่ามะเขือเทศ 12 เท่า และมีกรดไขมันขนาดยาวประมาณร้อยละ 10 ของมวล การกินบีตาแคโรทีนจากฟักข้าวพบว่าดูดซึมในร่างกายได้ดีเพราะละลายได้ในกรดไขมัน
  ประโยชน์ที่ได้จากสรรพคุณของน้ำฟักข้าว - มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก(Anti oxidant)

- มีปริมาณเบตาแคโรทีนมาก กว่าแครอต 10 เท่า
- มีไลโคพีนมากกว่ามะเขือเทศ 12 เท่า
- ช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดหัวใจ
- ควบคุมความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ป้องกันและแก้ปัญหาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
- ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตา
- ช่วยป้องกันโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
- ช่วยป้องกันโรคมะเร็งปอด
- ป้องกันและยับยั้งการเกิดลิ่มเลือดในเส้นเลือด
- ป้องกันเส้นโลหิตในสมองแตก(สาเหตุของโรคอัมพฤกษ์,อัมพาต)
- โปรตีนในเมล็ดฟักข้าวมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อเอชไอวี-เอดส์ และยับยั้งเซลล์มะเร็ง
- ช่วยขับเสมหะ เป็นยาระบายและใช้กลั้วคอ ลดการอักเสบลำคอ เจ็บคอ
- เหมาะสำหรับผู้ป่วยในระยะพักฟื้นและผู้มีปัญหาสุขภาพ มีโรคประจำตัว อ่อนแอขี้โรค


อยากเชิญชวนเพื่อนๆ หันมาดื่ม “น้ำผลไม้”
ทางเลือก เฉกเช่น “น้ำฟักข้าว”
อีกอย่างที่น่าสนใจนะเจ้าคะ!!!

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

ฟักข้าว สมุนไพรต้านมะเร็ง พืชพื้นบ้าน

ฟักข้าว  สมุนไพรต้านมะเร็ง พืชพื้นบ้า ฟักข้าว พืชพื้นบ้าน ช่วยต้านมะเร็งชั้นยอด

ได้รับความนิยมในหมู่คนรักสุขภาพมาพักหนึ่งแล้ว สำหรับผักพื้นบ้านที่มีชื่อว่า "ฟักข้าว" เชื่อว่าหลายคนคงคุ้น ๆ กับชื่อนี้ แต่อาจจะยังไม่รู้ว่า "ฟักข้าว" มีประโยชน์อย่างไร เอ้า...ใครที่ยังไม่รู้ว่า สรรพคุณของฟักข้าว มีอะไรบ้าง ตามมาอ่านกันจ้า



ฟักข้าวไม่เพียงแต่เป็นอาหารอร่อยที่สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายวิธี แต่ยังมีสรรพคุณทางสุขภาพที่น่าสนใจอีกด้วย นอกจากมีความร้อนเย็นที่ช่วยลดความร้อนในร่างกายแล้ว ฟักข้าวยังเป็นสมุนไพรที่มีสารต้านมะเร็งอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีส่วนประกอบที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) สูง โดยเฉพาะเม็ดฟักข้าวที่มีสีแดงหรือสีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสารสีแอนโทไซยานิน (anthocyanin) ที่มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระและการป้องกันมะเร็ง

การบริโภคฟักข้าวอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ตรง ซึ่งฟักข้าวมีสารสำคัญอย่างเช่น ลูติน (lutelin) และควีซีติน (quercetin) ซึ่งเป็นสารสำคัญในการป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และสารสำคัญอื่น ๆ เช่น เบตาคาโรเทน (beta-carotene) ที่มีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงต่อมะเร็งของต่อมลูกหมาก โดยเฉพาะในผู้บริโภคที่มีปริมาณสารนี้สูงในร่างกาย

นอกจากนี้ฟักข้าวยังเป็นแหล่งของสารอาหารที่สำคัญ เช่น วิตามินซี วิตามินบี แคลเซียม และเส้นใยอาหาร ที่ช่วยในกระบวนการทางเมตาบอลิสม์และระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ยังมีสารอาหารเสริมอื่น ๆ เช่น กลูโคส (glucosinolate) ที่มีความสัมพันธ์กับการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย

ดังนั้นฟักข้าวเป็นพืชพื้นบ้านที่มีคุณค่าทางสารอาหารและสมุนไพรที่สำคัญ มีสรรพคุณต้านมะเร็งและสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้อย่างหลากหลายวิธี การบริโภคฟักข้าวอย่างสม่ำเสมอเป็นการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและส่งเสริมสุขภาพอย่างดีได้




ฟักข้าวถือเป็นผลไม้ที่เล็กกว่าแต่มีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงมากๆ โดยเฉพาะเมล็ดฟักข้าวที่อ่อน ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยวิตามินซี แคลเซียม เหล็ก และไฟเบอร์ อย่างไรก็ตามสารอาหารที่สำคัญที่พบมากที่สุดในฟักข้าวคือเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีปริมาณสูงกว่าแครอทถึง 10 เท่า เบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินและช่วยบำรุงสายตาได้อย่างดี และยังมีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรค

อีกทั้งไม่เพียงแค่เบต้าแคโรทีนเท่านั้น การศึกษาต่างประเทศยังพบว่าในเยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าวสีแดงมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศถึง 70 เท่า และสำหรับฟักข้าวสายพันธุ์ไทยมีปริมาณไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศเพียง 12 เท่า ซึ่งก็ถือว่ามากแล้ว

ผ่านการศึกษาจากทางการแพทย์พบว่าไลโคปีนจากเยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าวเป็นสารต้านมะเร็งที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และลดความเสี่ยงของการเกิดโร

คหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร ดังนั้น สรุปได้ว่าฟักข้าวเป็นอาหารที่มีส่วนช่วยต้านมะเร็งได้ดีอย่างแน่นอน




ฟักข้าวเป็นพืชที่มีความสำคัญและนิยมใช้ประโยชน์ในหลายประเทศในแถบเอเชีย โดยมีการนำมาใช้ในการรักษาและบำรุงสุขภาพในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้:

ในประเทศจีน เมล็ดฟักข้าวบดแห้งจะถูกนำมาผสมกับน้ำมันหรือน้ำส้มสายชูเล็กน้อย แล้วทาบริเวณผิวหนังที่มีอาการอักเสบหรือบวม ซึ่งมีผลในการรักษาอาการบวมได้ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาโรคกลาก เกลื้อน ฟกช้ำ และแก้อาการผื่นคัน โรคผิวหนังต่าง ๆ ได้อีกด้วย

ในประเทศเวียดนาม ฟักข้าวมักถูกนำมาปรุงอาหารในเทศกาลปีใหม่และงานมงคลสมรส นอกจากนี้ วิจัยจากมหาวิทยาลัยฮานอยพบว่า น้ำมันจากเมล็ดฟักข้าวมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งตับ

ในประเทศฟิลิปปินส์ รากฟักข้าวบดจะถูกนำมาใช้ในการหมักผม เพื่อช่วยให้ผมดกและกำจัดเหาได้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีล้านนาในไทยด้วย โดยใช้ฟักข้าวสระผมเพื่อช่วยแก้อาการคันศีรษะ รังแค และผมร่วง และช่วยให้ผมดกและดำขึ้นได้

ในประเทศญี่ปุ่น การวิจัยพบว่า โปรตีนจากสารสกัดน้ำของผลฟักข้าวช่วยยับยั้งการเจริญของก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่ในการทดลองกับหนู

ฟักข้าวจึงเป็นพืชที่มีความสำคัญและถูกนำมาใช้ประโยชน์ในหลายประเทศในแถบเอเชีย แต่ละประเทศมีวิธีการใช้งานและประโยชน์ที่แตกต่างกันตามภูมิประเทศและวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น



ฟักข้าว: พืชมหัศจรรย์ที่มีสรรพคุณทางยาและโภชนาการ


ในประเทศไทย ฟักข้าวกำลังได้รับความสนใจจากนักวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับสรรพคุณที่มีอยู่ในพืชนี้อย่างหลากหลาย คณะเภสัชศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และคณะวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยพายัพ ได้ร่วมกันศึกษาการนำน้ำมันจากเยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าวในระดับนาโนขึ้นมาใช้ในเครื่องสำอาง ซึ่งผลการทดสอบได้รับความนิยมและได้รับรางวัล "IFSCC Host Society Award 2011" จากงานประชุมสมาพันธ์นักเคมีเครื่องสำอางนานาชาติ 2011 (IFSCC 2011)

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลก็ได้พบว่าในเมล็ดฟักข้าวมีโปรตีนที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเชื้อเอชไอวีและยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ ในขณะเดียวกัน คณะเกษตรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นกำลังศึกษาวิจัยเพื่อปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์ฟักข้าวเพื่อเพิ่มปริมาณเบต้าแคโรทีนและสารไลโคปีน และเพิ่มผลผลิตของเยื่อหุ้มเมล็ดอีกด้วย

ดังนั้น เราจึงต้องยกย่อง "ฟักข้าว" ว่าเป็น

พืชที่มีสรรพคุณทางยาและคุณค่าทางโภชนาการมากมาย และเชื่อว่าหากมีการศึกษาและวิจัยเพิ่มเติม เราอาจได้ค้นพบสรรพคุณที่น่าทึ่งของพืชพื้นบ้านชนิดนี้อีกในอนาคต